Betaglucan เบต้ากลูแคน คืออะไร ดีอยางไรต่อสุขภาพและผิวหนัง

Last updated: 25 ก.ค. 2565  |  15437 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Betaglucan เบต้ากลูแคน คืออะไร  ดีอยางไรต่อสุขภาพและผิวหนัง

สารเบต้ากลูแคน เป็นน้ำตาลเชิงซ้อน เกิดจากน้ำตาลเชิงเดี่ยวคือ กลูโคสมาต่อกันเป็นกลุ่มกลายเป็นน้ำตาลที่ใหญ่ขึ้น จึงเรียกว่าน้ำตาลเชิงซ้อน ก่อนหน้านี้มีโฆษณาทางทีวีเครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่งที่มีภาพหญิงแม่บ้านนั่ง นวดแป้ง และมีหญิงคนหนึ่งนวดไม่ค่อยจะเป็น แป้งก็เลอะมือ และเปื้อนหน้าเปื้อนตา แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับพบว่าใบหน้าและมือที่เลอะแป้งของหญิงคนนั้นกลับยังสวย เต่งตึงไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาเหมือนแม่บ้านคนอื่นๆ ใครจะรู้ว่า สารสำคัญที่ทำให้ผิวเยาว์วัยที่อยู่ในแป้งนวดนั้นคือ beta glucan

1. เบต้ากลูแคนช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน

ในเซลล์ผิวหนังกำพร้าของเราจะมีเม็ด เลือดขาวขนาดใหญ๋อยู่ เรียกว่า Langerhans cell มีงานวิจัยหลายชิ้นที่พบว่าสารเบต้ากลูแคนสามารถซึมเข้าผิวหนังชั้นหนัง กำพร้าและไปกระตุ้นให้  Langerhans cell  ทำงานได้ดีขึ้น เมื่อ Langerhans cell ถูกกระตุ้น มันจะไปกัดกินเซลล์เสื่อมสภาพหรือขี้ไคลที่ปกคลุมผิวชั้นนอกของเรา และทำให้ basal cell ที่อยู่ลึกลงไป แบ่งตัวให้เซลล์ใหม่ๆขึ้นมาแทนที่ ผิวใหม่ที่ได้ จึงเรียบเนียน อมชมพู สวยงาม

เป็นที่รู้กันดีว่า ถ้าขี้ไคลไม่หลุดออก ผิวหนังจะหยาบกร้าน และอาจเกิดการอุดตันเป็นสิวตามมา  เบต้ากลูแคนจึงถือเป็นตัวผลัดเซลล์ได้เป็นอย่างดี โดยใช้กลไกในการผลัดเซลล์ที่ต่างจาก AHA หรือกรดผลไม้ธรรมชาติที่เป็นที่นิยมโดยทั่วไป คงได้ยินได้พบกันบ่อยครั้งที่การใช้ AHA ผิดๆ จนกัดผิวมากเกินไป ทำลายผิวในระยะยาว

2. เบต้ากลูแคนช่วยลดริ้วรอย

Langerhans cell ที่ถูกกระตุ้น ยังหลั่งสารบางอย่างลงไปกระตุ้น fibroblast cell ที่ชั้นหนังแท้ที่อยู่ลึกลงไป   fibroblast cell เป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่ในการผลิต 1. คอลลาเจน 2. อีลาสตินและ 3. ไฮยาลูโรนิค แอซิด สาร 3 อย่างนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของการมีผิวสวย ถ้าอยากจะมีผิวที่สวยสุขภาพดี จงทำยังไงก็ได้ ให้ 3 อย่างนี้ มีปริมาณที่เพียงพอ และมีคุณภาพอยู่เสมอ

** ปริมาณที่เพียงพอ หมายถึง รักษาไม่ให้มันน้อยไป ถ้าน้อยไป ผิวก็แห้ง หย่อน (คล้อย+ยาน) และยุบ (ริ้วรอย)**

** มีคุณภาพ หมายถึง รักษาให้โครงสร้างของมันมีความปกติ แข็งแรง และทำหน้าที่ได้ดี**  ถ้าโครงสร้างของมันไม่ดี แม้จะมีปริมาณเพียงพอ หรือมากเกินพอ ผิวก็จะไม่สวย เช่น รอยแผลเป็นนูนหลังเป็นแผล นั่นเกิดจากคอลลาเจนที่มีโครงสร้างและฟอร์มตัวผิดปกติ เป็นคอลลาเจนที่มากเกินไปแต่ไม่มีคุณภาพ

 เบต้ากลูแคน >> กระตุ้น Langerhans cell  และ  Langerhans cell >> กระตุ้น fibroblast cell ซึ่งมีหน้าที่ผลิตสารแห่งความงาม 3 อย่างนั้น ทำให้จำนวนคอลลาเจน เพิ่มขึ้น อีลาสติน และไฮยาลูโรนิคแอซิด เพิ่มขึ้น และเป็นการเพิ่มขึ้นจากภายในร่างกายตามธรรมชาติ ไม่ใช่การฉีดเข้าไป สารทั้ง 3 อย่างนั้น จึงอยู่คงทนกว่าการฉีดเข้าไป

3. เบต้ากลูแคน ช่วยรักษาสิว

เบต้ากลูแคน มีคุณสมบัติในการบรรเทาปัญหาสิวอักเสบ ด้วยการเพิ่มความสามารถในการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวให้จับกินเศษเซลล์ตาย ในแผลสิว  (เศษเซลล์ หรือ cell debris เป็นซากเซลล์ที่ตายหมักหมมในหัวหนอง ถ้าไม่ drain หรือเจาะเอาหนองออก แผลสิวก็จะไม่หาย)  ร่วมกับการช่วยเพิ่มปริมาณคอลลาเจน จึงทำให้แผลสิวหายเร็วขึ้น  (ภูมิคุ้มกันของร่างกายทีดีก็เป็นส่วนหนึ่งที่ ช่วยให้แผลต่างๆหายเร็วขึ้น หากภูมิคุ้มกันของร่างกายไม่ดี จะหวังให้เบต้ากลูแคนเป็นเซรั่มเทพ คงเป็นไปไม่ได้)


 4. เบต้ากลูแคน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

สารอนุมูลอิสระในร่างกาย เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ว่ากันว่า นอกจากร่างกายจะเสื่อมโทรมไปตามอายุที่เพิ่มขึ้นแล้ว อนุมูลอิสระถือเป็นตัวเร่งที่สำคัญอันดับต้นๆ (อาจจะเป็นอันดับหนึ่ง) ที่ทำให้คนเราเข้าสู่ความชราก่อนวัยอันควร

ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระใน ร่างกาย ได้แก่  ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ มลภาวะ บุหรี่ สุรา อาหารจำพวกอาหารขยะ (junk food) แต่ร่างกายก็มีปราการปกป้องตัวเองจากอนุมูลอิสระเหล่านี้ ด้วยการผลิตเอนไซม์บางชนิดมาต่อต้าน แต่ถ้าอนุมูลอิสระมีมากเกินไป ร่างกายก็ต้านไม่ไหวเช่นกัน

และผิวคนเราก็เช่นเดียวกัน มีอนุมูลอิสระที่คอยทำลายเซลล์ผิวหนังตลอดเวลา ตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระใต้ผิวหนัง อยู่ไม่ไกล้ ไม่ไกล คุ้นเคยกันดี คือ แสงแดด นั่นเอง 

แสงแดดมีรังสียูวีที่คอยทำลายผิว ยูวีเอทำให้แก่ ( A = Aging) และยูวีบีทำให้ผิวใหม้ (B=Burn)  ยูวีที่สำคัญที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระคือยูวีเอ สามารถทะลุผ่านเสื้อผ้า เข้าไปถึงชั้นหนังแท้ ทำลาย DNA  ทำลายคอลลาเจน อีลาสติน การทำลายจะสะสมเกิดขึ้นทีละนิดๆๆ และจะเห็นผลริ้วรอยชัดเจนเมื่ออายุมากขึ้น 

อนุมูลอิสระ มีหลายชนิด แต่พบมาก คือ oxygen radical  เป็นโมเลกุลของออกซิเจนที่เกิดการสูญเสียอิเลกตรอน ทำให้จำนวนอิเลกตรอน(ประจุลบ) ไม่สมดุลกับจำนวนโปรตรอน(ประจุบวก)   ถ้าใครเคยเรียนเคมีมาก่อนจะมีการจำลองความไม่เสถียรของอนุมูลอิสระ เป็นภาพของอนุมูลอิสระที่กระเด้งกระดอนไปมาในกล่อง 4 เหลี่ยมแบบไร้ทิศทางเหมือนอะไรสักอย่างที่กำลังบ้าคลั่งและพยายามจะตามหาอิ เลกตรอนที่ขาดหายให้เจอ เปรียบได้กับ มันกำลังเข้าไปทำลายเซลล์ต่างๆในร่างกายอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน

สารต้านอนุมูลอิสระ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี วิตามินอี หรือเบต้ากลูแคน จะเข้าไปทำหน้าที่เป็นผู้ให้อิเลกตรอนแก่  oxygen radical  และตัวมันเองก็จะกลายเป็นอนุมูลอิสระตัวใหม่แทน เพียงแต่จะมีความบ้าคลั่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และอ่อนกำลังพอที่จะให้เอนไซม์ในร่างกายมาต่อต้านให้หมดฤทธิ์ไปได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้