Last updated: 13 ก.ค. 2566 | 15706 จำนวนผู้เข้าชม |
บทความนี้เรียบเรียงโดย ภญ.จิราพรรณ คำดี และ ภก. ธีรชัย เรืองบัณฑิต ห้ามคัดลอกไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมด ก่อนได้รับอนุญาต ลงวันที่ 12 เมษายน 2563
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เจลล้างมือแอลกอฮอล์ ได้กลายเป็นสินค้าที่มีความต้องการเป็นอย่างมาก ณ. วันที่ 12 เมษา 2563 อย.เปิดเผยว่า ได้อนุมัติเลขจดแจ้ง เจลล้างมือฯไปกว่า 7000 เลข (amazing)
เมื่อปลายปี พ.ศ.2562 อย.มีร่างที่จะกำหนดให้ เจลล้างมือ ต้องขึ้นทะเบียนเป็นเครื่องมือแพทย์ แต่ รมต.กระทรวงสาธารณสุข เห็นว่า จะเกิดการขาดแคลน เพราะผู้ผลิตที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะสามารถยื่นขึ้นทะเบียนเป็นเครื่องมือแพทย์นั้นมีไม่มากนัก จึงยกเลิกร่างกฎหมายดังกล่าว และให้เจลล้างมือฯ ยังคงเป็นเครื่องสำอางแต่จะต้องมีความเข้มข้นที่ 70% v/v ขึ้นไปเท่านั้น จากเดิมที่กำหนดให้เจลล้างมือฯ ที่เป็นเครื่องสำอางมีแอลกอฮอล์ได้ไม่เกิน 69.4% v/v
เมื่อกฎหมายเปลี่ยนให้ เจลล้างมือ เป็นเครื่องสำอาง เหมือนปลดล็อคครั้งใหญ่ ใครก็ผลิตได้ และใครก็ขอเลขจดแจ้งได้ ทำให้ตอนนี้ประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศเดียวในโลก ที่มีจำนวนแบรนด์เจลล้างมือฯ มากที่สุดในโลก
เมื่อมันมีถึง 7000 เลขจดแจ้ง แล้วจะเลือกยี่ห้อไหนดี วันนี้เราจะมาสรุปแบบไม่ย่อให้ค่ะ
1. แอลกอฮอล์ที่ใช้ผลิต มีอยู่ 2 ชนิด คือ เอทิลแอลกอฮอล์ และ ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ (IPA) โดยทั่วไปนิยมใช้เอทิลแอลกอฮอล์ เพราะระคายเคืองน้อยกว่า ความเข้มข้นที่เหมาะสมคือ 70-95% v/v ที่ระดับความเข้มข้นนี้แอลกอฮอล์จะมีเวลาอยู่บนผิวนานพอก่อนที่จะระเหยออกจากผิวและมีปริมาณน้ำในสูตรเพียงพอที่จะเข้าไปจัดการข้างในไวรัส
เอทิลแอลกอฮอล์ออกฤทธิ์โดยไปทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ของไวรัสและพาน้ำเข้าไปจัดการข้างในทำให้โปรตีนเสื่อมสภาพ ซึ่งรหัสพันธุกรรมของไวรัสก็เป็นสารจำพวกโปรตีน
2. เกรดของเอทิลแอลกอฮอล์ที่นำมาใช้ ควรเป็นเกรดเครื่องสำอาง เกรดอาหาร หรือเกรดยา ซึ่งมีความบริสุทธิ์สูง แต่ผลิตภัณฑ์บางยี่ห้อ มีการนำเอทิลแอลกอฮอล์ เกรดอุตสาหกรรม ที่มีความบริสุทธิ์ต่ำ หาได้ง่าย และราคาถูก มาใช้แทน เพื่อลดต้นทุน และที่แย่กว่านั้นคือ มีการนำเมทิลแอลกอฮอล์มาใช้ ซึ่งเป็นพิษต่อทั้งภายในและภายนอกร่างกาย
คำเตือน : ระมัดระวังเจลล้างมือที่ทำจากเมทิลแอลกอฮอล์ ผิดกฎหมาย เมทิลแอลกอฮอล์สามารถดูดซึมได้ทางผิวหนังและลมหายใจ ทำให้หลอดลม ลำคอ เยื่อบุตาอักเสบ หากหายใจหรือสัมผัสในปริมาณมากอาจทำให้ปวดท้อง เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน กล้ามเนื้อกระตุก หายใจลําบาก การมองเห็นผิดปกติและ อาจตาบอดได้ ทั้งนี้ อย. ไม่อนุญาตให้ใช้เมทิลแอลกอฮอล์ เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง หากตรวจพบจะถูกดำเนินคดีฐานผลิต นำเข้า หรือรับจ้างผลิตเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัย มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ สำหรับผู้ขาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อันตรายของเมทิลแอลกอฮอล์
3. ปริมาณ % แอลกอฮอล์ ที่ระบุบนฉลากเป็นเลขที่ผู้ผลิตแต่ละรายสามารถระบุได้ด้วยตัวเอง จากการคำนวณในขั้นตอนการผสม และ อย.มิได้ ทำการขอเอกสารวิเคราะห์ % ในกระบวนการจดแจ้ง (แต่ อย.อาจขอเอกสารการตรวจวิเคราะห์ภายหลัง เช่น กรณี มีผู้ร้องเรียน ) ดังนั้น ตัวเลข % บนฉลากอาจจะจริงหรือเท็จก็ได้ ผู้ซื้อควรพิจารณาความน่าเชื่อถือของผู้ผลิตและผู้ขาย ก่อนตัดสินใจซื้อ
ทำไม อย.ไม่ตรวจสอบ % แอลกอฮอล์ ก่อนอนุมัติเลขจดแจ้ง?
ตอบ เพราะการตรวจวิเคราะห์ปริมาณแอลกอฮอล์ในผลิตภัณฑ์ต้องใช้เครื่องตรวจวิเคราะห์ซึ่งมีราคาสูงถึง 1-2 ล้านบาท/เครื่อง ปัญหาคือ อย.มีเครื่องไม่เพียงพอที่จะตรวจวิเคราะห์ได้ทัน โดยทั่วไปเครื่องนี้จะมีอยู่ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั่วประเทศซึ่งตั้งอยู่จังหวัดใหญ่ๆ คำนวณคร่าวๆ สมมติว่ามีทั้งหมดประมาณ 10 เครื่อง ในประเทศไทย (ในความจริงน่าจะมีน้อยกว่านี้)
1 เครื่อง ตรวจ 1 ตัวอย่าง ใช้เวลา 1 วัน === > ดังนั้น ใน 1 วัน จะตรวจได้ทั้งหมดประมาณ 10 ตัวอย่าง
7,000 แบรนด์ที่ยื่นจดแจ้ง จะต้องใช้เวลาทั้งหมด 7000/10=700 วัน หรือ 2 ปีเลยทีเดียว เป็นการใช้เครื่องแบบโหด ใช้เครื่องจบ 2 ปี เครื่องอาจพัง เสียค่าซ่อมอีกหลายแสน
ในทางปฏิบัติ เราไม่สามารถรอถึง 2 ปี เพราะโควิดก็คงไม่รอเราเช่นกัน ดังนั้น ที่ อย.ทำได้คือ อนุมัติเลขจดแจ้งไปก่อน แล้วตามจับทีหลัง (ซึ่งก็จับได้บ้างไม่ได้บ้าง)
อย่าเพิ่งเชื่อตัวเลข %บนฉลากผลิตภัณฑ์ล้างมือ เพราะผู้ผลิต/ผู้ขาย เติมเลขเท่าไหร่ก็ได้ ..หลายคนยังไม่รู้ข้อนี้?
4. เมื่อเลข % บนฉลาก อาจเป็นเท็จ แล้วประชาชนจะทราบได้อย่างไรว่าผู้ผลิตระบุ % ตามความเป็นจริง และมีวิธีเลือกซื้ออย่างไร
เลือกแลบที่ได้รับมาตรฐาน GMP CODEX หรือ GMP จากองค์การอาหารและยา
5. ทำไม เจลล้างมือ บางยี่ห้อถึงหนืดแบบแป้งเปียก
ตอบ เพราะสารสร้างเนื้อเจลเกรดคุณภาพขาดตลาดโลกและราคาสูงขึ้นมาก ผู้ผลิตบางรายจึงมีการนำสารสร้างเนื้อเจลเกรดไม่ดี ราคาถูก มาใช้แทน ทำให้เนื้อเจลที่ได้ไม่ stable บางครั้งตกตะกอน แยกชั้น ขึ้นขุย เหนอะหนะ เป็นก้อน ทาแล้ว ไม่ซึมเข้าผิว หรือที่เรียกกันว่า เจลล้างมือแป้งเปียก และในบางยี่ห้อก็นำแป้งเปียกมาผสมจริงๆ บ่งบอกถึงคุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้ คุณภาพของผลิตภัณฑ์ และจรรยาบรรณของผู้ผลิต
6. แอลกอฮอล์แบบน้ำดีกว่าแบบเจลหรือไม่
ตอบ ไม่มีความแตกต่างในด้านประสิทธิภาพถ้าใช้ถูกวิธี แอลกอฮอล์น้ำที่นำมาใส่ขวดสเปรย์ อย. เน้นย้ำให้ใช้กับมือ โดยกำหนดให้ในชื่อผลิตภัณฑ์ที่จดแจ้งต้องมีคำว่า "hand" เสมอ ไม่ควรนำไปพ่นสิ่งของพื้นผิวเพราะอาจทำให้พื้นผิวเสียหาย อีกทั้งโอกาสติดไฟสูงกว่าแบบเนื้อเจล ควรใช้และเก็บรักษาอย่างระมัดระวัง
7. ผลิตภัณฑ์ที่ใช้แอลกอฮอล์ food grade สามารถรับประทานได้ใช่หรือไม่
ตอบ แม้จะใช้เอทิลแอลกอฮอล์ที่เป็น Food grade ในการผลิต ก็ไม่สามารถเคลมได้ว่าสินค้ามีความปลอดภัยต่อเด็กหรือต่อผู้ใช้ในการรับประทาน เพราะในสูตรจะมีส่วนประกอบอื่นๆที่ไม่สามารถทานได้รวมอยู่ด้วย
ดังนั้น การเคลมว่าแอลกอฮอล์ของเราเป็น food grade หลังใช้สามารถใช้มือหยิบจับอาหารเข้าปากได้ การเคลมเช่นนี้ถือว่าใช้ช่องโหว่ของกฎหมายเพื่อเจตนาทางการตลาด
นอกจากนี้ อย.ไม่อนุญาตให้ลงคำว่า food grade บนฉลากผลิตภัณฑ์ เพราะอาจจะสื่อให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัย สามารถทานได้