Last updated: 25 ก.ค. 2565 | 42316 จำนวนผู้เข้าชม |
ผลวิจัยระบุไว้ชัดเจนว่า 90 % ของปัญหาริ้วรอยก่อนวัยเกิดจาก “ แสงแดด ” การทาครีมกันแดดทุกวันจึงสำคัญไม่น้อยไปกว่าการหาครีมบำรุงเพื่อลดริ้วรอย และคงไม่มีประโยชน์หากคุณใช้ครีมลดริ้วรอยกระปุกเป็นพัน แต่ละเลยการทาครีมกันแดด ครีมกันแดดยี่ห้อไหนดี ล่ะ ที่จะช่วยป้องกันริ้วรอยก่อนวัยนี้ได้ บทความนี้มีคำตอบ
เพราะในแสงแดดประกอบด้วยรังสีอันตราย ที่มองไม่เห็น ทั้งรังสี UVA และ UVB คอยทำลายผิวทำให้ผิวเกิดริ้วรอย ภูมิต้านทานผิวต่ำลง เกิดการติดเชื้อได้ง่าย ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอและเป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนัง ปัจจุบันยังไม่ทราบกลไกการทำลายผิวที่แน่ชัด แต่เชื่อว่ารังสีดังกล่าวไปทำลายคอลลาเจน กระตุ้นการเกิดอนุมูลอิสระ รบกวนการซ่อมแซมตัวเองของ DNA และยับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
เคยสังเกตมั้ยว่า ทั้งที่ทาครีมทากันแดด SPF มากกว่า 15 แล้วแต่ไม่สามารถป้องกันความคล้ำของผิวหนังได้ ทั้งนี้เป็นเพราะความคล้ำ หรือการเกิด Tanning นั้น รังสีที่มีบทบาทสำคัญคือรังสี UVA แต่เนื่องจากรังสี UVA ไม่ได้มีบทบาทที่สำคัญในการทำให้เกิดผิวไหม้แดง (Sun burn) จึงไม่ได้รับความสนใจมากนัก ในปัจจุบันเริ่มมีข้อมูลว่ารังสี UV A นอกจากทำให้ผิวคล้ำแล้วยังสามารถทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังและทำลายเนื้อเยื่อคอลลาเจน อีลาสติน ทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น ซึ่งจะสังเกตุเห็นได้มากในบริเวณที่ถูกแสงแดดเป็นประจำ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนผิวไหม้แดงที่เกิดภายใน 24 ชม. หลังได้รับแสงแดด แต่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กน้อยอย่างช้าๆ และเห็นได้หลังจากการถูกแสงแดดนับสิบปี การป้องกันผิวแก่ก่อนวัยที่ถูกต้อง จึงควรทากันแดดตั้งวัยเด็กและต่อเนื่องจนถึงวัยผู้ใหญ่
รูปที่ 1 : แสงแดดทำให้ผิวหย่อนยาน เกิดริ้วรอย
วารสาร New England Journal of Medicine ซึ่งเป็นวารสารทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียง ได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่มีอาชีพขับรถบรรทุก ใบหน้าครึ่งซ้ายของเขาจะต้องสัมผัสกับแดดที่ส่องผ่านกระจกรถตลอดระยะเวลา 28 ปีของการประกอบอาชีพ และนี่คือใบหน้าของเขา (รูปที่ 1) เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นมากกว่าอีกข้างอย่างเห็นได้ชัด
มีงานวิจัยในประเทศออสเตรเลียได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ทากันแดดสม่ำเสมอและกลุ่มที่ทากันแดดเป็นบางครั้ง ผ่านไป 4 ปีพบว่า กลุ่มที่ทากันแดดไม่สม่ำเสมอ มีริ้วรอยมากกว่าอีกกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ
สารกันแดด (Sunscreen ingredients) มีกี่ประเภท แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร
สารกันแดดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1. chemical sunscreen สารกันแดดชนิดสารเคมี เป็นสารที่สามารถดูดซับพลังงานของแสงแดดไว้ก่อนที่แสงแดดจะผ่านลงไปที่ผิวหนัง ฉะนั้นประสิทธิภาพในการกันแดดจึงลดลงไปตามเวลาที่สัมผัสแสงแดด สารในกลุ่มนี้มีหลายชนิด ซึ่งสามารถดูดซับพลังงานในช่วงที่ต่างกัน สารกันแดดประเภทนี้มีข้อด้อยคือ ทำให้เกิดการแพ้ได้ง่าย ทำให้เกิดสิวได้ง่าย (ปฏิกิริยาเฉพาะบุคคล) และอาจเหนอะหนะหากใส่ในปริมาณสูง
2. physical sunscreen สารกันแดดชนิดสะท้อนแสงออกจากผิวหนัง ได้แก่ Titanium dioxide, Zinc oxide สารในกลุ่มนี้ ป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB มีข้อดีกว่า chemical sunscreen คือ ถูกดูดซึมเข้าผิวหนังน้อยมาก จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องแพ้สัมผัส ข้อเสียคือ ทาแล้วจะขาววอกและทำให้ผิวแห้ง
ตารางที่ 1 แสดงรายชื่อ ประเภท และประสิทธิภาพของสารกันแดด
โปรดเลื่อนซ้ายขวา เพื่อดูตารางแบบเต็ม
FDA Monograph | UVA Protection | UVB Protection | Chemical or Physical |
---|---|---|---|
Aminobenoic acid (PABA) | - | +++ | Chemical |
Avobenzone | +++ | + | Chemical |
Cinoxate | + | +++ | Chemical |
Dioxybenzone | ++ | +++ | Chemical |
Ecamsule | +++ | + | Chemical |
Homosalate | - | +++ | Chemical |
Menthyl anthranilate | ++ | +++ | Chemical |
Octocrylene | + | +++ | Chemical |
Octyl methoxycinnamate | + | +++ | Chemical |
Octyl salicylate | - | +++ | Chemical |
Oxybenzone | ++ | +++ | Chemical |
Padimate O | - | +++ | Chemical |
Phenylbenzimidazole | - | +++ | Chemical |
Sulisobenzone | ++ | +++ | Chemical |
Titanium dioxide | ++ | +++ | Physical |
Trolamine salicylate | - | +++ | Chemical |
Zinc oxide | +++ | +++ | Physical |
ครีมกันแดดยี่ห้อไหนดี มาดูวิธีเลือกกันค่ะ
รูปที่ 2 คุณสมบัติของครีมกันแดดที่ดี
1. มีค่า SPF มากกว่า 30 : ค่า SPF เป็นค่าที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVB ควรมีค่าอยู่ในช่วง 30-50 ไม่จำเป็นต้องเลือก SPF มากกว่า 50 เพราะประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVB ไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับ SPF 15 และ 30
2. มีคุณสมบัติเป็น Broad Spectrum : สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB
3. ติดทนยาวนาน : ไม่หลุดง่าย เมื่อต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง มีเหงื่อมากหรือสัมผัสน้ำ
รูปที่ 3 ประสิทธิภาพการป้องกันรังสี UVB ของค่า SPF ต่างๆ
จากรูปจะเห็นว่าที่ SPF 15,30,50 มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVB ใกล้เคียงกัน คือที่ 93 ,97 และ 98 % ตามลำดับ ในขณะที่ SPF50 มีราคาสูงกว่า ก่อการระคายเคืองได้ง่ายกว่าหากผู้ใช้มีผิวที่ sensitive รวมถึงทำให้ผิวแห้งมากขึ้นกรณีใช้สารกันแดดเป็น physical sunscreen หรือทำให้เหนียวเหนอะหนะกรณีใช้สารกันแดดเป็น chemical sunscreen ดังนั้น แค่ SPF30 ถือว่าเพียงพอในการป้องกันแสงแดด
รูปที่ 4 ประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดของกันแดดที่มีคุณสมบัติเป็น broad spectrum
กันแดดที่มีคุณสมบัติเป็น broad spectrum จะสามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB ผู้ซื้อควรเลือกซื้อโดยดูจากฉลากสินค้าหรือดูจากส่วนผสมที่ระบุไว้บนตัวผลิตภัณฑ์ โดยเปรียบเทียบกับรายชื่อสารกันแดดและคุณสมบัติในตารางที่1
วิธีใช้ครีมกันแดดที่ถูกต้อง
1. ใช้ในปริมาณที่เพียงพอ : เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการปกป้องสูงสุดควรทากันแดดตามปริมาณที่แนะนำ คือ 30 มล.สำหรับผิวกายหรือประมาณเต็มแก้วใบเล็ก และ 2 มล.สำหรับผิวหน้าหรือประมาณ 1/2 ช้อนชา2. ใช้ให้ถูกเวลา : ครีมกันแดดกลุ่ม physical สามารถทาแล้วออกแดดได้ทันที ครีมกันแดดกลุ่ม Chemical จะต้องทาก่อนออกแดดเป็นเวลาอย่างน้อย 15-30 นาที
3. ทาซ้ำระหว่างวันเมื่อจำเป็น : ครีมกันแดดกลุ่ม physical ให้ทาซ้ำเมื่อต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง มีเหงื่อมาก หรือสัมผัสน้ำ ครีมกันแดดที่เป็นกลุ่ม chemical ให้ทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หรือทาซ้ำทันทีหากมีทำกิจกรรมกลางแจ้ง มีเหงื่อมาก หรือสัมผัสน้ำโดยไม่ต้องรอให้ครบ 2 ชั่วโมง
ที่มา : http://www.acne.org/spf-sunscreen.html