Last updated: 25 ก.ค. 2565 | 32891 จำนวนผู้เข้าชม |
ในโลกนี้ไม่มีเครื่องสำอางที่ไหนสามารถผลิตจากธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ ครีมทุกอย่างล้วนมีสารเคมีเป็นส่วนผสม ไม่ว่าจะอยู่ในรูปครีม เซรั่ม เจล โลชั่น โทนเนอร์ ก็ต้องมี " สารช่วย" พื่อตั้งตำรับ สารช่วยเหล่านั้นเป็นสารเคมี หลายคนอ่านแล้วอาจจะงง ว่าสารช่วยมันคืออะไร สารช่วยคือสารที่เติมลงไปเพื่อให้ได้เนื้อผลิตภัณฑ์ตามที่ต้องการ ทั้งกลิ่น สี ความหนืด ความคงตัว ความเป็นกรด-ด่าง ความคงทนต่อการเจริญของเชื้อโรค ฯลฯ
แพกเกจหน้าตาสวยๆ เคลมว่าสมุนไพร100% อย่าไปหลงเชื่อ
อยากให้ผู้อ่านลองไปหยิบกล่องที่บรรจุครีมมาสัก 1 อย่าง ดูรายละเอียดในหัวข้อ ส่วนผสม หรือ ingredients จะเห็นส่วนผสมอันยาวเหยียด อ่านออกบ้างไม่ออกบ้าง เพราะบางอันเป็นชื่อโครงสร้างทางเคมี ส่วนท้ายๆจะมีชื่อสารสกัดจากธรรมชาติเป็นส่วนผสมห้อยอยู่ประมาณ 2-3 ตัว บางยี่ห้ออาจจะมากกว่านั้นเป็น 5-6 ตัว
การเรียงลำดับส่วนผสมดังกล่าว เป็นการเรียงตามความเข้มข้นหรือปริมาณที่อยู่ในครีม เมื่อชื่อสารสกัดธรรมชาติห้อยอยู่ท้ายๆ ก็หมายความว่า ปริมาณสารสกัดธรรมชาติที่เขาใส่ๆกันลงไป ถือได้ว่ามีสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับส่วนผสมอื่นๆที่เป็นสารเคมีในนั้น
สีเขียวๆที่วงนั่นคือสารสกัดจากพืช นอกนั้นเกือบทั้งหมดเป็นสารเคมี! ครีมที่พวกเราใช้อยู่
จะกระปุกละหมื่นหรือหลักร้อยก็ไม่ต่างจากนี้ มันมีสารเคมีเป็นส่วนผสมเสมอ
อย่าเพิ่งตกใจกลัวนะคะ ที่เพิ่งจะรู้ว่าครีมๆทั้งหลายที่คุณใช้อยู่ มีส่วนผสมของสารเคมีทั้งนั้น ถึงแม้จะเป็นสารเคมีแต่ก็เป็นสารเคมีที่ อย. อนุญาตให้ใช้ในเครื่องสำอางได้
ต้องการบำรุงผิวแบบธรรมชาติ100% ทำได้ไหมคะ?
ทำได้ค่ะ ด้วยการคั้นสดจากพืช ที่ไม่โดนยาฆ่าแมลงใดๆทั้งสิ้น คั้นเสร็จ เอามาใช้สดๆ ที่เหลือเก็บเข้าตู้เย็น พรุ่งนี้ใช้ต่อ แต่อย่าเก็บไว้ใช้หลายวันนะคะ เพราะสารสกัดเหล่านี้เป็นแหล่งชุมนุมของเชื้อโรคทั้งราและแบคทีเรียได้เป็นอย่างดี
อยากใช้สมุนไพร100% ให้คั้นสด ชัวร์ที่สุด
อันต่อมาที่ควรรู้คือ การแพ้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าส่วนผสมที่ใช้ในเครื่องสำอางมาจากธรรมชาติหรือ จากการสังเคราะห์ การแพ้เป็นปฏิกิริยาตอบสนองทางภูมิคุ้มกันส่วนบุคคล เราจะไม่มีทางทราบได้ว่าเราจะแพ้อะไร ไม่แพ้อะไร จนกว่าเราจะได้ลองใช้ ในการใช้ครั้งแรกจะไม่แสดงอาการแพ้ เพราะภูมิคุ้มกันอาจยังไม่ถูกกระตุ้น เมื่อมีการใช้ซ้ำจึงจะแสดงอาการให้เห็น ซึ่งอาจจะเป็นครั้งที่ 2,3 และห่างจากการใช้ครั้งแรกเป็นวัน เดือน ปี ก็ได้ค่ะ ไม่มีอะไรบอกได้ตายตัว บางคนใช้วันที่ 1-5 ไม่เป็นไร พอวันที่ 6 เริ่ม แพ้ บางคนใช้วันนี้ไม่เป็นไร พรุ่งนี้จึงเริ่มแพ้ ระยะเวลาการเริ่มแสดงอาการแพ้ที่ต่างกันนี้เป็นเพราะระยะเวลาที่ภูมิคุ้ม กันถูกกระตุ้นในแต่ละคนกินเวลาต่างกัน
ครีมสมุนไพรก็ทำให้แพ้ได้
อาการแพ้ ที่สังเกตเห็นได้ชัดที่สุดคือ ผื่นแดง คัน บางคนอาจพัฒนาเป็นสิวและลุกลาม ควรแยกการแพ้และการระคายเคืองให้ออก แม้จะเป็นอะไรที่แยกยาก เพราะอาการใกล้เคียงกันมาก แต่ก็อยากให้พยายามแยกให้ได้ โดยหาเหตุผล เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างเวลาที่ใช้กับอาการที่เกิดขึ้น จะได้ป้องกันตัวเองได้ถูกและไม่เป็นการปิดโอกาสตัวเองที่จะได้ใช้สกินแคร์ ตัวอื่น เคยเจอหลายคน บอกว่าตัวเองแพ้วิตามินซี อะไรที่ผสมวิตามินซี ใช้ไม่ได้เลย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว แพ้ส่วนผสมอื่นบางอย่างที่อยู่ในสูตร
ผู้เขียนได้แรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนี้มาจากการดูโฆษณาเครื่องสำอาง ในทีวี ดูแล้วขัดใจม๊ากมาก เพราะเค้าเล่นบีบน้ำคั้นสดๆจากผลไม้ลงในครีมบำรุงผิว และสรุปให้ผู้บริโภคฟังว่าเครื่องสำอางเค้ามาจากธรรมชาติ.... ถ้าใน ขั้นตอนการผลิตของเครื่องสำอางยี่ห้อนั้น มีการบีบน้ำคั้นผลไม้สดๆลงในผลิตภัณฑ์จริงๆ ผลที่ได้คือ เครื่องสำอางจะไม่คงสภาพ อาจเกิดการแยกชั้นของครีม เนื่องจากส่วนประกอบของน้ำผลไม้ และค่าความเป็นกรดด่างที่อาจไม่เหมาะสม นอกจากนั้นแล้วที่น่ากลัวมากๆก็คือ จุลินทรีย์ ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย รา หรือยีสต์ ที่สามารถเจริญเติบโตในเครื่องสำอางได้อย่างรวดเร็ว เพราะมีทั้งน้ำ และน้ำตาล จากธรรมชาติ ที่เชื้อใช้เป็นอาหารในการเจริญเติบโต แถมการใช้มือสัมผัสโดยตรงในขั้นตอนการคั้นน้ำก็ยังเป็นที่มาของเชื้อได้อีก ด้วย ผลของการมีเชื้อในเครื่องสำอางมากเกินไป คือทำให้ผลิตภัณฑ์มีความคงสภาพที่ไม่ดี และยังอาจก่อให้เกิดโรคในผู้ใช้ได้อีกด้วยนะคะ
สารจากธรรมชาติที่นำมาใช้ในเครื่องสำอาง นั้นมีประโยชน์มากมาย แต่จะต้องถูกเติมลงในสูตร และถูกผลิตขึ้น ในลำดับขั้นตอนวิธีการที่เหมาะสม เพื่อให้ออกฤทธิ์ได้ตามที่ต้องการ มีคุณภาพ และมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้