Last updated: 25 ก.ค. 2565 | 13810 จำนวนผู้เข้าชม |
กรดโคจิก (Kojic acid)
สูตรเคมี คือ 5-hydroxy-4-pyran-4-one-2-methyl เป็นสารที่สร้างจากเชื้อรา Aspergillus oryzae กรด โคจิกกดการทำงานของเอนไซม์ tyrosinase เพราะจับตัวกับทองแดงที่ tyrosinase จำเป็นต้องใช้. จากการใช้พบว่าปรับสีผิวได้น้อย และมีรายงานการแพ้ครีมชนิดนี้ประปราย ผิวหนังที่ทาด้วยกรดโคจิก พบว่าเซลล์สร้างเม็ดสี (melanocytes) ไม่มีระยางค์ (non-dendritic) และมีปริมาณเม็ดสีเมลานินน้อยลง ปกติใช้กรดโคจิกความเข้มข้นร้อยละ 1-4. ข้อควรระวังคือ ครีมชนิดนี้มีรายงานว่าก่อความระคายเคืองสูง และทำให้เกิดผิวหนังอักเสบระคายเคืองจากการแพ้สัมผัส (irritant contact dermatitis) มีการศึกษาเปรียบเทียบครีมทาฝ้าสูตร glycolic acid/kojic acid และ glycolic acid/hydroquinone (HQ) พบว่าไม่มีความแตกต่างของประสิทธิภาพระหว่างกรดโคจิก และ HQ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่ครีมสูตรกรดโคจิกก่อความระคายเคืองมากกว่า เพื่อลดการระคายเคืองจากกรดโคจิก จึงมีการผสมสตีรอยด์. จากการศึกษาเปรียบเทียบการรักษาฝ้าระหว่างยาสูตรผสม 2% HQ +10% glycolic acid + 2% kojic acid และ 2% HQ +10% glycolic acid โดยให้ผู้เป็นฝ้าทายาสูตรแรกที่ครึ่งหนึ่งของใบหน้า ส่วนอีกครึ่งหนึ่งให้ทายาสูตรหลังที่ไม่มีส่วนประกอบของกรดโคจิก 2% ผลการรักษาพบว่าผู้ป่วยทุกคนฝ้าจางลงทั้ง 2 ซีกของใบหน้า แต่ซีกที่รักษาโดยมีส่วนประกอบของกรดโคจิก พบว่าฝ้าจางลงมากกว่า.
Arbutin (Uva ursi, bearberry extract)
สูตร เคมีคือ hydroquinone-beta-D-gluco-pyranoside เป็นสาร HQ ที่จับตัวกับน้ำตาลกลูโคส arbutin ยับยั้งการสร้างเม็ดสีโดยการออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase เพราะ arbutin มีลักษณะคล้าย กรดอะมิโน tyrosine ที่เป็น substrate ของเอนไซม์ tyrosinase แต่จะไม่ทำลายเซลล์สร้างเม็ดสี เนื่องจาก arbutin ไม่ถูก hydrolyse ให้เกิด HQ. ดังนั้นฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสีจึงไม่ได้เกิดจาก HQ
ภาพที่ 1. ต้น bearberry.
แรกเริ่ม arbutin เป็นสารสกัดธรรมชาติจากพืช bearberry (เป็นต้นไม้พุ่มเตี้ยชนิดหนึ่ง) พบในสูตรยาโบราณของญี่ปุ่น มีประสิทธิภาพน้อยกว่า HQ (ยาทารักษาฝ้าตัวหลักที่ใช้กันแพร่หลาย) 100 เท่า ยังไม่มีรายงานว่าต้องใช้ arbutin ความเข้มข้นเท่าไรในการทาลบรอยดำ. บริษัทเครื่องสำอางบางแห่งรายงานว่าใช้ arbutin ความเข้มข้นร้อยละ 1 มีประสิทธิภาพทำให้ผิวสีจางลง. อย่างไรก็ ตาม มีรายงานหลายรายงานแสดงว่า arbutin มีประสิทธิภาพน้อยกว่ากรดโคจิกในการรักษาภาวะ ผิวสีเข้ม (hyperpigmentation). มีรายงานว่าการรักษาฝ้าด้วย arbutin ร้อยละ 3-7 ได้ผลดี แต่ส่วนใหญ่เป็นรายงานจากบริษัทเครื่องสำอาง ในการทดลองรักษาจริง พบว่าประสิทธิภาพค่อนข้างต่ำ.
นอกจากนั้น ยังพบสาร arbutin ในสารสกัดจาก Mitracarpus scaber, Morus bombycis (mulberry), Morus alba (white mulberry) และ Broussonetia papyrifera (paper mulberry).
จาก การศึกษาพบว่า a-arbutin ออกฤทธิ์ ยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase ได้มากกว่า arbutin จึงเริ่มนิยมใช้ a-arbutin ในครีมทาให้ผิวขาวแทนการใช้ arbutin.
วิตามินซีและอนุพันธ์
วิตามิน ซี (L-ascorbic acid) ใช้กันอย่างแพร่หลายในเครื่องสำอางที่ทำให้ผิวขาว กลไกการออกฤทธิ์ ของวิตามินซี และอนุพันธ์ ออกฤทธิ์โดยเป็น reducing agents ของ melanin intermediates และกั้น oxidative chain reaction จาก tyrosine/dihydroxyphenylalanine (DOPA) ไปสู่ melanin ที่หลายตำแหน่ง. วิตามินซีเป็น antioxidant ที่ดี แต่จะถูก oxidized ได้ง่ายเมื่อถูกแสง ทำให้ความสามารถในการยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินลดลงไปด้วย จึงมีการพัฒนาอนุพันธ์ของวิตามินซีให้มีฤทธิ์เทียบเท่ากับมันคือ มีความสามารถทำให้ผิวขาวขึ้น และแพร่ผ่านผิวหนังได้ แต่มีความคงตัว.
Magnesium ascorbyl phosphate (MAP) เป็นอนุพันธ์ของวิตามินซีที่มีความคงตัว ในรูปครีมความเข้มข้นร้อยละ 10 พบว่า MAP กดการสร้างเม็ดสีเมลานิน มีรายงานว่าผู้ป่วย 19 ราย จาก 34 รายที่เป็นฝ้าและขี้แมลงวัน (solar lentigines) เมื่อทา MAP มีรอยดำจางลงอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติ ยังพบว่า MAP ป้องกันผิวบาดเจ็บจากรังสี UV-B ซึ่งการออกฤทธิ์ในกรณีหลังนี้ น่าจะมาจากการที่ MAP เปลี่ยนเป็น ascorbic acid ในญี่ปุ่นมีการศึกษาผู้ป่วย 110 ราย พบว่ารอยผิวสีเข้ม (hyperpigmentation) ลดลงร้อยละ 25 หลังทาครีมให้ความชุ่มชื้นที่มี 3% MAP เป็นเวลานาน 6 เดือน.
สารสกัดชะเอม (Licorice extract)
สารออก ฤทธิ์หลัก คือ glabridin มีงานวิจัยแสดงว่า glabridin ลดการสร้างเม็ดสีเมลานินโดยยับยั้งการทำงานของ tyrosinase ของเซลล์สร้างเม็ดสี แต่จะไม่เป็นพิษต่อเซลล์สร้างเม็ดสี ยังพบว่าการทา 0.5% glabridin ลดการเกิดผิวสีเข้มหลังได้รับรังสี UV-B และลดอาการผิวไหม้แดง (erythema). นอกจากนั้น glabridin ยังมีฤทธิ์ต้านอักเสบเนื่องจากยับยั้งการผลิต superoxide anion และยับยั้งการออกฤทธิ์ของ cyclooxygenase มีรายงานว่ายา สูตรผสม 0.4% licorice extract +0.05% betamethasone + 0.05% retinoic acid มีประสิทธิภาพในการรักษาฝ้า.
นอกจากนั้น ในสารสกัดชะเอมยังพบ glabrene, isoliquiritigenin, licuraside, isoliquiritin และ licochalcone A ซึ่งล้วนยับยั้ง tyrosinase ได้. สำหรับ liquiritin ไม่มีผลต่อ tyrosinase แต่ก็ทำให้สีผิวจากกระบวนการอื่น มีการใช้ครีม 20% liquiritin ทารักษาฝ้านาน 4 สัปดาห์ พบว่าได้ผล.
กรดผลไม้ (Alpha hydroxyl acid, AHA)
กรด ผลไม้ หรือ AHA ใช้ในครีมทาให้ผิวขาว เช่น glycolic acid (พบมากในอ้อย), lactic acid (พบมากในนมเปรี้ยว), malic acid (พบมากใน แอปเปิ้ล), citric acid (พบมากในผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว, citrus fruits)
ภาพที่ 2. Citrus fruits.
และ tartaric acid (พบมากในองุ่น) พบว่า lactic acid มีประสิทธิภาพมากที่สุด AHA ออกฤทธิ์โดย เป็น chelating agent ที่สามารถไปดึงแคลเซียมอิออนจากเซลล์ผิวหนัง เนื่องจากโครงสร้างของผิวหนังเป็นลักษณะเซลล์บุผิว (epithelium cell) ที่ยึดติดกันแน่น มีการยึดเกาะระหว่างเซลล์โดยโมเลกุลที่เรียกว่า cadherin (เป็น transmembrane glycoprotein) ซึ่งการทำหน้าที่ของ cadherin ขึ้นกับแคลเซียมอิออน. ดังนั้น เมื่อระดับแคลเซียมอิออนลดลง ทำให้เซลล์ผิวหนังแยกตัวตรงรอยต่อของ stratum granulosum และ stratum corneum จึงเร่งการหลุดลอกของเซลล์ที่ผิวชั้นนอกออกได้เร็วขึ้น ใช้ในความเข้มข้นร้อยละ 5-20.
N-acetyl-4-cysteaminylphenol (NAC)
เป็น phenolic thioether ที่นำมาใช้เป็นสาร ฟอกสี (depigmenting agent) ชนิดใหม่ เชื่อว่ามีความคงตัวสูงกว่า HQ และระคายผิวน้อยกว่า และยังพบว่า N-acetylcysteine (NAC) มีประสิทธิภาพในการป้องกันการกดภูมิต้านทานที่เกิดจากรังสียูวี (UVB-induced immunosuppression) และเพิ่มระดับของ glutathione ในเซลล์ เนื่องจาก glutathione เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงมีงานวิจัยเพื่อใช้ NAC ในแง่ป้องกันการแก่.
Flavonoids
สามารถแบ่ง bioflavonoids เป็น flavones, flavonols, isoflavones และ flavanones การศึกษาผลต่อการ oxidation ของ L-DOPA ใน flavonoids หลายตัว พบว่ากลุ่ม isoflavones ที่รวมถึง glycitein, daidzein และ genistein มีฤทธิ์ยับยั้ง tyrosinase เพียงเล็กน้อย แต่พบว่า 6, 7, 4'- trihydroxyisoflavone มีฤทธิ์ยับยั้ง tyrosinase สูงกว่ากรดโคจิก ส่วนกลุ่ม flavanones เช่น hesperidin, eriodictyol และ naringenin มีสูตรโครงสร้างคล้าย HQ.
Hesperidin
สาร hesperidin เป็น bioflavonoid ที่พบในเปลือกและเยื่อผลไม้รสเปรี้ยว (citrus fruits) พบว่า hesperidin สามารถยับยั้งการสร้างเม็ดสีโดยไม่เป็นอันตรายต่อเซลล์ ยังพบว่าสารตัวนี้ป้องกันการบาดเจ็บของไฟโบรบลาสท์ และคอลลาเจนที่เกิดจากการได้รับรังสียูวีเอ.
Niacinamide
Niacinamide เป็น biologically active form ของ niacin (vitamin B3) พบในรากพืชหลายชนิดและยีสต์ มีงานวิจัยพบว่า niacinamide ยับยั้งการส่งผ่าน melanosomes จากเซลล์สร้างเม็ดสี (mela-nocytes) ไปยังเซลล์ผิวหนัง (keratinocyte) มีการศึกษาทางคลินิกพบว่าการทา niacinamide ทำให้รอยโรคผิวหนังสีเข้มจางลงได้.
Polyphenols
Polyphenols เป็นกลุ่มของสารประกอบที่ออกฤทธิ์ antioxidant ซึ่งพบในพืชหลายชนิด พบว่าสารสกัด polyphenol หลายตัวจากพืช ยับยั้งการสร้างเม็ดสีได้ พบสาร proanthocyanidins หรือ procyanidins ซึ่งเป็น polyphenols ในไวน์แดง, น้ำ cranberry และเมล็ดองุ่น ส่วน ellagic acid เป็น polyphenol อีกตัวที่พบในผักและผลไม้ พบว่าสารสกัดเปลือกทับทิมที่มี 90% ellagic acid ยับยั้ง tyrosinase ของเห็ดในหลอดทดลอง.
Ellagic acid
เป็น polyphenol ที่พบในธรรมชาติ มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase โดยจับกับทองแดง มีการทดลอง ประสิทธิภาพของครีม ellagic acid ในการป้องกัน UV-induced pigmentation พบว่าได้ผลร้อยละ 86 ครีมตัวนี้มีวางขายในญี่ปุ่น. มีงานวิจัยในไทยพบว่าในเมล็ดลำไย มีสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่ม polyphe-nol และ bioflavonoids ค่อนข้างสูง และสารสำคัญ ตัวหนึ่งของการสกัดแยกเมล็ดลำไย คือ ellagic acid ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันมะเร็ง (anticarcinogenic agent) และป้องกันการกลายพันธุ์ (antimutagenic agent) และทำให้ผิวขาว.
ภาพที่ 3. เมล็ดลำใย
สารสกัดจากปอสา (paper mulberry extract)
ปอสา หรือ paper mulberry (Broussonetia papyrifera) มี สารสำคัญ คือ kazinol F ซึ่งยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase ที่มีประสิทธิภาพ พบว่า kazinol F มีความแรงมากกว่ากรดโคจิก, วิตามินซี และ HQ ในการยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase และมีคุณสมบัติ ในการขจัดอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวขาวจึงมีการนำมาใช้ในทารักษาฝ้า-กระ.
มีงานวิจัยเปรียบ เทียบฤทธิ์การยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase ของ paper mulberry เทียบกับกรดโคจิก และ HQ พบว่า IC50 (คือ ความเข้มข้นที่ออกฤทธิ์ยับยั้งฤทธิ์ของ tyrosinase ร้อยละ 50) ของ paper mulberry คือร้อยละ 0.396, ของ HQ คือร้อยละ 5.5 และของ kojic acid คือร้อยละ 10.0 มีการทดลองทำ patch test โดยใช้ 1% paper mulberry extract ไม่พบการระคายเคืองที่ 24 และ 28 ชั่วโมง.
สารสกัดจากใบหม่อน (Mulberry, Morus alba)
มี งานวิจัยแสดงว่าสารสกัดจากใบหม่อนแห้งออกฤทธิ์ยับยั้ง tyrosinase ได้ สามารถสกัด phenolic flavonoids หลายตัว เช่น gallic acid และ quercetin และกรดไขมัน เช่น linoleic acid และ palmitic acid จากใบหม่อน. สารหลักที่ออกฤทธิ์ยับยั้ง tyrosinase ทำให้มีการสร้างเม็ดสีน้อยลงคือ mulberroside F (moracin M-6, 3'-di-O-beta-D-glucopyranoside).
สารสกัดจากว่านหางจระเข้ (Aloesin)
พบ ว่า aloesin ซึ่งเป็นสารสกัดจากว่านหางจระเข้ยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase ได้มีการทดลองทาสาร aloesin บนท้องแขนที่ฉายรังสียูวี พบว่าสามารถกดการสร้างเม็ดสีได้ และมีงานวิจัยแสดงว่า aloesin เสริมฤทธิ์ arbutin ในด้านการยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase.
สารสกัดจากใบโสม (Ginseng)
พบว่าในสารสกัดจากใบโสมสด (Panax ginseng) มีสาร p-coumaric acid ซึ่งยับยั้งการสร้างเม็ดสีได้.
สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Gingko)
พบ ว่าในสารสกัดจากใบแปะก๊วย มี flavone glycosides ที่ส่วนใหญ่คือ quercetin และอนุพันธ์ของ kaempferol สารเหล่านี้ยับยั้ง tyrosinase โดยการจับกับทองแดง.
ภาพที่ 4. ใบและผลแปะก๊วย.
สารสกัดสมุนไพรแก่นมะหาด (Artocarpus lakoocha Roxb.)
มี การศึกษาการใช้สารสกัด 5% trans-2, 4, 3', 5'-tetrahydroxystilbene จากสมุนไพรแก่นมะหาดในการรักษาฝ้า ได้ผลดีไม่แตกต่างจากยาทา 2% HQ และพบผลข้างเคียงเล็กน้อย.
สารสกัดจากรก (placental extract)
มี การใช้สารสกัดจากรกมาทำเครื่องสำอางและสบู่ โดยหวังผลทำให้ผิวสีจางลง มีงานวิจัยผลของสาร สกัดจากรกต่อการสร้างเม็ดสี พบว่าสารสกัดจากรกยับยั้งกระบวนการการสร้างเม็ดสีของ SK30 melanoma cells โดยการยับยั้งการสร้างเอนไซม์ tyrosinase แต่ไม่ยับยั้งการเจริญเติบโตของ SK30 melanoma cells ยังต้องมีการวิจัยเพื่อหาสารออกฤทธิ์ต่อไป.
สารสกัดจากใบพืชกลุ่ม Arctostaphylos
ใบของพืชกลุ่ม Arctostaphylos คือ Arctostaphylos patula และ Arctostaphylos viscida ยับยั้ง tyrosinase ทำให้ไม่มีการสร้าง melanin จาก dopachrome และยังมีฤทธิ์คล้าย superoxide dismutase ยังไม่ทราบความเข้มข้นที่เหมาะสมของสารสกัดจากใบของพืชชนิดนี้ที่จะนำมา รักษาความผิดปกติที่มีผิวสีเข้ม.
สารสกัดจาก Rumex
สารสกัดจาก rumex (rumex extract) เป็นสารสกัดจากพืช 4 ชนิด ได้แก่ Rumex occidentalis, Rumex maritimus, Rumex pseudonateonstus และ Rumex stenophyllus กลไก ในการทำให้ผิวขาวขึ้นเกิดจากการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซีเนส. การศึกษาผลของสารสกัดจาก rumex โดยเปรียบเทียบกับ kojic acid, HQ และ arbutin พบว่าความสามารถยับยั้งเอนไซม์โรซีเนสของสารสกัดจาก rumex มีค่าใกล้เคียงกับ kojic acid แต่มีค่าสูงกว่า HQ และ arbutin ในทุกความเข้มข้น.
สารสกัดจากชาเขียว (green tea extract)
พบ ว่าชาเขียวมีส่วนประกอบของ polyphenols ซึ่งเป็น bioflavonoids ในปริมาณสูง สารตัวนี้มีฤทธิ์ antioxidant ในชาเขียวมี polyphenols ชนิดเฉพาะที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ catechins ซึ่งมีคุณสมบัติ antioxidant สูง. Catechins ตัวที่ออกฤทธิ์สูงสุดในชาเขียวคือ epigallocatechin gallate (EGCG) ส่วน catechins ตัวอื่นๆที่พบได้ในชาเขียวคือ epigallocatechin (EGC), epicatechin 3-gallate (ECG) และ epicatechin (EC). นอกจากนั้น polyphenols ในชาเขียวยังมีฤทธิ์ต้านอักเสบ และต้านมะเร็ง พบว่าส่วนประกอบของชาเขียวโดยเฉพาะ EGCG ทำให้เม็ดเลือดขาวไม่มาสะสมในผิวหนังเมื่อถูกแสงยูวีบี.
นอกจากนั้น ยังมีผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารเสริมที่ใช้รักษาฝ้า เช่น